เมนู

3. ปโตทสูตร


ม้าอาชาไนยและบุรุษอาชาไนย 4 จำพวก


[113] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญ 4 จำพวกนี้ มี
ปรากฏอยู่ในโลก 4 จำพวกเป็นไฉน คือ ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวใน
โลกนี้ พอเห็นเงาปฏักเข้าก็ย่อมสลด ถึงความสังเวชว่า วันนี้นายสารถีผู้ฝึกม้า
จักให้เราทำเหตุอะไรหนอ เราจักตอบแทนแก่เขาอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนย
ตัวเจริญที่ 1 มีปรากฏอยู่ในโลกนี้.
อีกประการหนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ เห็นเงาปฏัก
แล้ว ย่อมไม่สลด ไม่ถึงความสังเวชเลยทีเดียว แต่เมือถูกแทงด้วยปฏักที่
ขุมขนจึงสลด ถึงความสังเวชว่า วันนี้นายสารถีผู้ฝึกม้าจักให้เราทำเหตุอะไร-
หนอ เราจักตอบแทนแก่เขาอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญ
บางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ 2 มีปรากฏ
อยู่ในโลก.
อีกประการหนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ เห็นเงาปฏัก
แล้วย่อมไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แม้ถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขนก็ไม่สลด
ไม่ถึงความสังเวช แต่เมื่อถูกแทงด้วยปฏักถึงผิวหนังจึงสลด ถึงความสังเวช
ว่าวันนี้นายสารถีผู้ฝึกม้าจักให้เราทำเหตุอะไรหนอ เราจักตอบแทนแก่เขา
อย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็น
ปานนี้ก็มี นี้เป็นม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ 3 มีปรากฏอยู่ในโลก.

อีกประการหนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ เห็นเงาปฏัก
ก็ไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช แม้ถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขนก็ไม่สลด ไม่ถึง
ความสังเวช แม้ถูกแทงด้วยปฏักถึงผิวหนังก็ไม่สลด ไม่ถึงความสังเวช
แต่เมื่อถูกแทงด้วยปฏักถึงกระดูก จึงสังเวช ถึงความสลดว่า วันนี้นายสารถี
ผู้ฝึกม้าจักให้เราเหตุอะไรหนอ เราจักตอบแทนแก่เขาอย่างไร ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญบางตัวในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นม้า
อาชาไนยตัวเจริญที่ 4 มีปรากฏอยู่ในโลก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนย
ตัวเจริญ 4 จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ 4 จำพวก มีปรากฏอยู่
ในโลก ฉันนั้นเหมือนกัน 4 จำพวกเป็นไฉน ? คือ บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ
บางคนในโลกนี้ได้ฟังว่า ในบ้านหรือในนิคมโน้นมีหญิงหรือชายถึงความทุกข์
หรือทำกาลกิริยา เขาย่อมสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้ว
เริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้วซึ่งปรม-
สัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ม้าอาชาไนยตัวเจริญ
พอเห็นเงาปฏักย่อมสลดถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าวบุรุษอาชาไนย
ผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนใน
โลกนี้ แม้เห็นปานั้นก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ 1 มีปรากฏอยู่ในโลก.
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่า
ในบ้านหรือในนิคมโน้น มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา แต่
เขาเห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยาเอง เขาจึงสลด ถึง
ความสังเวช เพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้ว เริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย
มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้ง
แทงตลอดด้วยปัญญา ม้าอาชาไนยตัวเจริญถูกแทงด้วยปฏักที่ขุมขนย่อมสลด

ถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี
นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ 2 มีปรากฏอยู่ในโลก.
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่า
ในบ้านหรือในนิคมโน้น มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา และ
ไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยาเอง แต่ญาติหรือ
สาโลหิตของเขาถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา เขาจึงสลด ถึงความสังเวช
เพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้ว เริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยว
ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา
ม้าอาชาไนยตัวเจริญถกแทงผิวหนังจึงสลด ถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรา
กล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนย
ผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ 3
มีปรากฏอยู่ในโลก.
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่า
ในบ้านหรือในนิคมโน้น. มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา และ
ไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยาเอง ทั้งญาติหรือ
ลาโลหิตของเขาก็ไม่ถึงทุกข์ หรือทำกาลกิริยา แต่เขาเองทีเดียว อันทุกข-
เวทนาเป็นไปทางสรีระ กล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ แทบ
จะนำชีวิตไปเสีย ถูกต้องแล้ว เขาจึงสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็น
ผู้สลดแล้วเริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้ง
ซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ม้าอาชาไนย
ตัวเจริญถูกแทงด้วยปฏักถึงกระดูก จึงสลด ถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรา
กล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนย

ผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ 4
มีปรากฏอยู่ในโลก.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ 4 จำพวกนี้แล มีปรากฏ
อยู่ในโลก.
จบปโตทสูตรที่ 3

อรรถกถาปโตทสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในปโตทสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปโตทจฺฉายํ ความว่า เงาแห่งปฏักที่ยกขึ้นเพื่อจะแทง.
บทว่า สํวิชติ ความว่า สะดุ้งด้วยกำหนดว่าเราต้องเร่งฝีเท้า. บทว่า สํเวคํ
อาปชฺชติ
ความว่า แทงให้สะดุ้ง. บทว่า โลมเวธวิทฺโธ ความว่า พอ
ถูกปฏักแทงจ่อที่ขุมขน. บทว่า จมฺมเวธวิทฺโธ ความว่า เอาปฏักแทง
ตัดผิวหนัง. บทว่า อฏฺฐิเวธวิทฺโธ ความว่า เอาปฏักแทงทะลุถึงกระดูก.
บทว่า กาเยน คือด้วยนามกาย. บทว่า ปรมสจฺจํ คือนิพพาน. บทว่า
สจฺฉิกโรติ คือถูกต้อง. บทว่า ปญฺญาย คือมรรคปัญญาพร้อมด้วยวิปัสสนา.
จบอรรถกถาปโตทสูตรที่ 3

4. นาคสูตร


ว่าด้วยคุณสมบัติ 4 ของช้างต้นกับของภิกษุสงฆ์


[114] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างตัวประเสริฐของพระราชา ประกอบ
ด้วยองค์ 4 ย่อมเป็นช้างควรแก่พระราชา เป็นช้างต้น ย่อมถึงการนับว่าเป็น
ราชพาหนะ องค์ 4 เป็นไฉน คือ ช้างตัวประเสริฐของพระราชา ในโลกนี้